ข้ามไปยังเนื้อหา

ข้ามไปยังสารบัญ

ความหวังสำหรับผู้ป่วย

ความหวังสำหรับผู้ป่วย

ความ​หวัง​สำหรับ​ผู้​ป่วย

เมื่อ​ก่อน ผู้​คน​มัก​ไม่​อยาก​ยุ่ง​เกี่ยว​กับ​คน​ที่​มี​อาการ​ผิด​ปกติ​ทาง​อารมณ์. ผล​ก็​คือ ผู้​ป่วย​หลาย​คน​กลาย​เป็น​คน​ที่​สังคม​รังเกียจ. บาง​คน​ตก​งาน​หรือ​หา​งาน​ทำ​ไม่​ได้​เนื่อง​จาก​เป็น​โรค​นี้. ส่วน​บาง​คน​แม้​แต่​ครอบครัว​ของ​ตน​เอง​ก็​ยัง​หลบ​ลี้​หนี​หน้า. บ่อย​ครั้ง การ​ทำ​เช่น​นี้​ยิ่ง​ทำ​ให้​ปัญหา​หนัก​ขึ้น​และ​ทำ​ให้​ผู้​ป่วย​ไม่​ได้​รับ​ความ​ช่วยเหลือ.

อย่าง​ไร​ก็​ตาม ใน​ช่วง​ไม่​กี่​ปี​มา​นี้​มี​ความ​ก้าว​หน้า​ใน​ด้าน​ความ​เข้าใจ​โรค​ซึมเศร้า​และ​โรค​ไบโพลาร์​เป็น​อย่าง​มาก. ปัจจุบัน เป็น​ที่​รู้​กัน​ดี​ว่า​โรค​เหล่า​นี้​สามารถ​รักษา​ได้. แต่​การ​ได้​รับ​ความ​ช่วยเหลือ​ก็​ไม่​ใช่​เรื่อง​ง่าย​เสมอ​ไป. เพราะ​เหตุ​ใด?

การ​เข้าใจ​อาการ

ความ​ผิด​ปกติ​ทาง​อารมณ์​ไม่​สามารถ​วินิจฉัย​ได้​ด้วย​การ​ตรวจ​เลือด​ธรรมดา ๆ หรือ​การ​เอกซ์​เรย์. แต่​ต้อง​เฝ้า​ดู​พฤติกรรม, ความ​คิด, และ​การ​ตัดสิน​ใจ​ของ​บุคคล​นั้น​ใน​ช่วง​ระยะ​เวลา​หนึ่ง. ต้อง​มี​อาการ​หลาย​อย่าง​ปรากฏ​ขึ้น​จึง​จะ​วินิจฉัย​ได้. ปัญหา​คือ​บาง​ครั้ง​สมาชิก​ใน​ครอบครัว​และ​เพื่อน​ไม่​ได้​ตระหนัก​ว่า สิ่ง​ที่​เขา​เห็น​นั้น​เป็น​หลักฐาน​แสดง​ถึง​ความ​ผิด​ปกติ​ทาง​อารมณ์. ดร. เดวิด เจ. มิกโลวิตส์ เขียน​ว่า “แม้​แต่​เมื่อ​ผู้​คน​ยอม​รับ​ว่า​พฤติกรรม​ของ​คน​นั้น​แปลก​ไป พวก​เขา​อาจ​มี​ความ​เห็น​แตกต่าง​กัน​ว่า​อะไร​เป็น​สาเหตุ​ทำ​ให้​คน​นั้น​ทำ​อย่าง​ที่​เขา​ทำ.”

ยิ่ง​กว่า​นั้น แม้​แต่​เมื่อ​สมาชิก​ครอบครัว​คิด​ว่า​อาการ​ของ​ผู้​ป่วย​เป็น​เรื่อง​ร้ายแรง แต่​ก็​อาจ​เป็น​เรื่อง​ยาก​ที่​จะ​โน้ม​น้าว​ให้​ผู้​ป่วย​เชื่อ​ว่า​เขา​ต้อง​รับ​การ​รักษา​ทาง​การ​แพทย์. หรือ​ถ้า​คุณ​เป็น​ผู้​ป่วย คุณ​อาจ​ไม่​อยาก​ขอ​ความ​ช่วยเหลือ. นาย​แพทย์​มาร์ก เอส. โกลด์ เขียน​ว่า “คุณ​อาจ​เชื่อ​สิ่ง​ที่​เข้า​มา​ใน​ความ​คิด​ขณะ​ที่​กำลัง​ซึมเศร้า คือ​ที่​ว่า​คุณ​เป็น​คน​ไร้​ค่า แล้ว​จะ​มี​ประโยชน์​อะไร​ที่​จะ​ขอ​ความ​ช่วยเหลือ​ใน​เมื่อ​ไม่​มี​ความ​หวัง​ใด ๆ สำหรับ​คน​อย่าง​คุณ​อยู่​แล้ว. คุณ​อาจ​อยาก​ปรึกษา​ใคร​สัก​คน​เกี่ยว​กับ​เรื่อง​นี้ แต่​คุณ​กลับ​คิด​ว่า การ​เป็น​โรค​ซึมเศร้า​เป็น​เรื่อง​น่า​อาย​และ​เป็น​ความ​ผิด​ของ​คุณ​คน​เดียว. . . . คุณ​อาจ​ไม่​รู้​ว่า​สิ่ง​ที่​คุณ​รู้สึก​นั่น​แหละ​คือ​อาการ​ของ​โรค​ซึมเศร้า.” ถึง​กระนั้น สำหรับ​คน​ที่​เป็น​โรค​ซึมเศร้า​ขั้น​รุนแรง การ​ดู​แล​จาก​แพทย์​ก็​เป็น​สิ่ง​สำคัญ​ยิ่ง.

แน่นอน ทุก​คน​รู้สึก​เศร้า​เป็น​บาง​ครั้ง และ​นี่​ไม่​ได้​แสดง​ถึง​ความ​ผิด​ปกติ​ทาง​อารมณ์​เสมอ​ไป. แต่​จะ​ว่า​อย่าง​ไร​ถ้า​ความ​รู้สึก​นี้​รุนแรง​กว่า​อารมณ์​เศร้า​ธรรมดา? และ​จะ​ว่า​อย่าง​ไร​ถ้า​มัน​คง​อยู่​นาน​ผิด​ปกติ บาง​ที​นาน​ถึง​สอง​สัปดาห์​หรือ​มาก​กว่า​นั้น? ยิ่ง​กว่า​นั้น สมมุติ​ว่า​อารมณ์​เศร้า​นั้น​ทำ​ให้​คุณ​ไม่​สามารถ​ทำ​กิจกรรม​ต่าง ๆ ได้​ตาม​ปกติ ไม่​ว่า​ที่​ทำ​งาน, ที่​โรง​เรียน, หรือ​เมื่อ​อยู่​ใน​สังคม. ใน​กรณี​เช่น​นี้ อาจ​เป็น​เรื่อง​สุขุม​ที่​จะ​ปรึกษา​ผู้​เชี่ยวชาญ​ที่​มี​คุณวุฒิ​ซึ่ง​จะ​วินิจฉัย​และ​รักษา​โรค​ซึมเศร้า​ได้.

เมื่อ​เรื่อง​นี้​เกี่ยว​ข้อง​กับ​ความ​ไม่​สมดุล​ของ​ระบบ​ชีวเคมี แพทย์​อาจ​สั่ง​จ่าย​ยา. ใน​กรณี​อื่น อาจ​มี​การ​แนะ​นำ​ให้​ผู้​ป่วย​พูด​คุย​ปรึกษา​แพทย์​ตาม​ระยะ​เวลา​ที่​กำหนด​เพื่อ​ช่วย​ผู้​ป่วย​ให้​เรียน​รู้​วิธี​รับมือ​กับ​ปัญหา​ของ​เขา. บาง​ครั้ง การ​ใช้​ทั้ง​สอง​วิธี​ร่วม​กัน​เกิด​ผล​ดี. * สิ่ง​สำคัญ​คือ​การ​ริเริ่ม​และ​แสวง​หา​ความ​ช่วยเหลือ. เลนอร์ ผู้​ป่วย​โรค​ไบโพลาร์​ซึ่ง​กล่าว​ถึง​ใน​บทความ​ที่​แล้ว กล่าว​ว่า “หลาย​ครั้ง​ผู้​ป่วย​รู้สึก​กลัว​และ​อาย​ใน​เรื่อง​ปัญหา​ของ​ตน. แต่​ที่​น่า​เสียใจ​จริง ๆ ก็​คือ​การ​สงสัย​ว่า​ตัว​เอง​มี​ปัญหา​แต่​ก็​ไม่​แสวง​หา​ความ​ช่วยเหลือ​ซึ่ง​จำเป็น​ต้อง​ได้​รับ​อย่าง​ยิ่ง.”

เลนอร์​พูด​จาก​ประสบการณ์​ของ​ตัว​เอง. เธอ​กล่าว​ว่า “ดิฉัน​นอน​ซม​ทำ​อะไร​แทบ​ไม่​ได้​อยู่​หนึ่ง​ปี. แต่​แล้ว​วัน​หนึ่ง​เมื่อ​ดิฉัน​รู้สึก​แข็งแรง​ขึ้น​บ้าง ดิฉัน​จึง​ตัดสิน​ใจ​โทรศัพท์​และ​นัด​กับ​หมอ.” มี​การ​วินิจฉัย​อาการ​ของ​เลนอร์​ว่า​เป็น​โรค​ไบโพลาร์ และ​มี​การ​สั่ง​ยา​ให้​เธอ. นั่น​ปรากฏ​ว่า​เป็น​จุด​หัวเลี้ยว​หัวต่อ​ใน​ชีวิต​ของ​เธอ. เลนอร์​กล่าว​ว่า “ดิฉัน​รู้สึก​เป็น​ปกติ​เมื่อ​กิน​ยา แต่​ดิฉัน​ต้อง​เตือน​ตัว​เอง​เสมอ​ว่า​ถ้า​ดิฉัน​หยุด​ยา อาการ​ที่​เคย​เกิด​ขึ้น​ก็​จะ​กลับ​มา​อีก.”

เรื่อง​นี้​คล้าย​กัน​กับ​แบรนดอน ซึ่ง​เป็น​โรค​ซึมเศร้า. เขา​บอก​ว่า “ตอน​เป็น​วัยรุ่น ผม​คิด​เรื่อง​ฆ่า​ตัว​ตาย​บ่อย ๆ เพราะ​ผม​รู้สึก​ว่า​ตัว​เอง​ไร้​ค่า​จริง ๆ. จน​กระทั่ง​ผม​อายุ 30 กว่า​ปี​ผม​จึง​ไป​หา​หมอ.” เช่น​เดียว​กับ​เลนอร์ แบรนดอน​กิน​ยา​เพื่อ​ควบคุม​อาการ​ของ​เขา แต่​เขา​ทำ​มาก​กว่า​นั้น. เขา​บอก​ว่า “เพื่อ​รักษา​สุขภาพ​โดย​รวม​ของ​ผม ผม​ดู​แล​ทั้ง​จิตใจ​และ​ร่าง​กาย. ผม​พักผ่อน​อย่าง​เพียง​พอ​และ​ระวัง​เรื่อง​อาหาร. ผม​ยัง​บรรจุ​ความ​คิด​จิตใจ​ของ​ผม​ด้วย​แง่​คิด​ที่​ดี​จาก​คัมภีร์​ไบเบิล​อีก​ด้วย.”

อย่าง​ไร​ก็​ตาม แบรนดอน​ชี้​ว่า​โรค​ซึมเศร้า​เป็น​ปัญหา​ทาง​สุขภาพ ไม่​ใช่​ปัญหา​ทาง​ฝ่าย​วิญญาณ. การ​ตระหนัก​ใน​เรื่อง​นี้​เป็น​สิ่ง​สำคัญ​เพื่อ​จะ​ช่วย​ให้​ฟื้น​ตัว​ได้. แบรนดอน​เล่า​ว่า “เคย​มี​เพื่อน​คริสเตียน​ที่​มี​เจตนา​ดี​คน​หนึ่ง​บอก​ผม​ว่า​เนื่อง​จาก​ฆะลาเตีย 5:22, 23 กล่าว​ว่า​ความ​ยินดี​เป็น​ผล​อย่าง​หนึ่ง​ของ​พระ​วิญญาณ​ของ​พระเจ้า ที่​ผม​ซึมเศร้า​คง​ต้อง​เป็น​เพราะ​ผม​ทำ​อะไร​บาง​อย่าง​ที่​ขัด​ขวาง​พระ​วิญญาณ​นั้น. นั่น​ทำ​ให้​ผม​รู้สึก​ผิด​และ​เศร้า​ใจ​ยิ่ง​ขึ้น. แต่​เมื่อ​ผม​เริ่ม​ได้​รับ​ความ​ช่วยเหลือ เมฆ​หมอก​ที่​ดำ​มืด​ซึ่ง​ปก​คลุม​ผม​ก็​เริ่ม​จาง​ไป. ผม​รู้สึก​ดี​ขึ้น​มาก! ผม​เสียใจ​ที่​ไม่​ได้​ขอ​ความ​ช่วยเหลือ​เร็ว​กว่า​นี้.”

การ​เอา​ชนะ​การ​ต่อ​สู้

แม้​แต่​หลัง​จาก​มี​การ​วินิจฉัย​และ​เริ่ม​รักษา​แล้ว ก็​เป็น​ไป​ได้​มาก​ที่​ความ​ผิด​ปกติ​ทาง​อารมณ์​จะ​สร้าง​ปัญหา​ให้​แก่​ผู้​ป่วย​อยู่​ต่อ​ไป. เคลลี ผู้​ซึ่ง​ต่อ​สู้​กับ​โรค​ซึมเศร้า​ขั้น​รุนแรง รู้สึก​ขอบคุณ​สำหรับ​การ​ช่วยเหลือ​จาก​ผู้​เชี่ยวชาญ​ซึ่ง​รักษา​เธอ​ด้วย​วิธี​ทาง​การ​แพทย์. แต่​นอก​จาก​นั้น เธอ​พบ​ว่า​การ​เกื้อ​หนุน​จาก​คน​อื่น​เป็น​สิ่ง​สำคัญ​มาก. ตอน​แรก เคลลี​ลังเล​ที่​จะ​ขอ​ความ​ช่วยเหลือ​จาก​คน​อื่น​เพราะ​เธอ​ไม่​อยาก​ถูก​มอง​ว่า​ตัว​เธอ​เป็น​ภาระ. เธอ​บอก​ว่า “ดิฉัน​ไม่​เพียง​ต้อง​เรียน​รู้​ที่​จะ​ขอ​ความ​ช่วยเหลือ​เท่า​นั้น แต่​ยัง​ต้อง​เรียน​รู้​ที่​จะ​ยอม​รับ​ความ​ช่วยเหลือ​ด้วย. เมื่อ​ดิฉัน​เปิด​เผย​ความ​รู้สึก​ของ​ตัว​เอง ดิฉัน​จึง​สามารถ​หยุด​ยั้ง​การ​จม​ดิ่ง​ลง​สู่​ความ​ซึมเศร้า​ได้.”

เคลลี​เป็น​พยาน​พระ​ยะโฮวา​และ​เธอ​เข้า​ร่วม​การ​ประชุม​ต่าง ๆ กับ​เพื่อน​ร่วม​ความ​เชื่อ​ที่​หอ​ประชุม. แต่​บาง​ครั้ง แม้​แต่​โอกาส​ที่​น่า​ยินดี​นี้​ก็​มี​ข้อ​ท้าทาย​สำหรับ​เธอ. “บ่อย​ครั้ง แสง​ไฟ, ผู้​คน​ที่​เดิน​ไป​เดิน​มา, และ​เสียง​ที่​ดัง อาจ​น่า​กลัว​สำหรับ​ดิฉัน. จาก​นั้น ดิฉัน​จะ​รู้สึก​ผิด​และ​รู้สึก​ซึมเศร้า​มาก​ขึ้น​เพราะ​ดิฉัน​คิด​ว่า​อาการ​ของ​ดิฉัน​คง​ต้อง​แสดง​ถึง​ความ​อ่อนแอ​ทาง​ฝ่าย​วิญญาณ.” เคลลี​จัด​การ​กับ​เรื่อง​นี้​อย่าง​ไร? เธอ​บอก​ว่า “ดิฉัน​ได้​มา​รู้​ว่า​โรค​ซึมเศร้า​เป็น​ความ​เจ็บ​ป่วย​ที่​ต้อง​ได้​รับ​การ​รักษา. มัน​ไม่​ใช่​เครื่อง​บ่ง​ชี้​ว่า​ดิฉัน​รัก​พระเจ้า​หรือ​เพื่อน​คริสเตียน​มาก​น้อย​เท่า​ไร. มัน​ไม่​ใช่​เครื่อง​บ่ง​ชี้​ที่​แท้​จริง​ถึง​สภาพ​ฝ่าย​วิญญาณ​ของ​ดิฉัน.”

ลูเซีย ซึ่ง​มี​การ​กล่าว​ถึง​ใน​บทความ​ก่อน​ใน​ชุด​นี้ รู้สึก​ขอบคุณ​ที่​เธอ​ได้​รับ​การ​รักษา​ทาง​การ​แพทย์​ที่​ดี​เยี่ยม. เธอ​กล่าว​ว่า “การ​พบ​จิตแพทย์​เป็น​สิ่ง​ที่​สำคัญ​อย่าง​ยิ่งยวด​สำหรับ​ดิฉัน​ที่​จะ​เรียน​รู้​วิธี​รับมือ​กับ​สภาพ​อารมณ์​แปร​แปร​วน​ซึ่ง​เกิด​ขึ้น​พร้อม​กับ​โรค​นี้.” ลูเซีย​ยัง​เน้น​คุณค่า​ของ​การ​พักผ่อน​ด้วย. เธอ​บอก​ว่า “การ​นอน​หลับ​เป็น​ปัจจัย​สำคัญ​ใน​การ​รับมือ​กับ​ระยะ​คลุ้มคลั่ง. ยิ่ง​ดิฉัน​นอน​หลับ​น้อย​เท่า​ไร ดิฉัน​ก็​ยิ่ง​คลุ้มคลั่ง​มาก​ขึ้น​เท่า​นั้น. แม้​แต่​เมื่อ​นอน​ไม่​หลับ แทน​ที่​จะ​ลุก​ขึ้น​มา​ทำ​อะไร​ต่อ​อะไร ดิฉัน​ฝึก​ตัว​เอง​ที่​จะ​นอน​นิ่ง ๆ และ​พักผ่อน.”

ชีลา ซึ่ง​มี​การ​กล่าว​ถึง​ก่อน​หน้า​นี้​เช่น​กัน พบ​ว่า​เป็น​ประโยชน์​ที่​จะ​จด​บันทึก​เรื่อง​ราว​ประจำ​วัน​ซึ่ง​เธอ​จะ​สามารถ​ระบาย​ความ​รู้สึก​ทุก​อย่าง​ออก​มา​ได้. เธอ​เห็น​ว่า​ทัศนะ​ของ​เธอ​ดี​ขึ้น​อย่าง​น่า​สังเกต. แต่​ก็​ยัง​มี​อุปสรรค​อยู่​บ้าง. ชีลา​บอก​ว่า “ด้วย​เหตุ​ผล​บาง​อย่าง ความ​เครียด​ทำ​ให้​ความ​คิด​ใน​แง่​ลบ​แทรกซึม​เข้า​มา​ใน​สมอง​ของ​ดิฉัน. แต่​ดิฉัน​ได้​เรียน​รู้​วิธี​สกัด​กั้น​ความ​รู้สึก​เหล่า​นั้น หรือ​อย่าง​น้อย​ก็​ทำ​ให้​มัน​ลด​น้อย​ลง.”

การ​ปลอบโยน​จาก​พระ​คำ​ของ​พระเจ้า

คัมภีร์​ไบเบิล​เป็น​เครื่อง​หนุน​ใจ​สำหรับ​หลาย​คน​ที่​เกิด “ความ​สาละวน​ใน​ใจ.” (บทเพลง​สรรเสริญ 94:17-19, 22) ยก​ตัว​อย่าง เช​รี​พบ​ว่า​บทเพลง​สรรเสริญ 72:12, 13 ให้​กำลังใจ​เธอ​เป็น​พิเศษ. ที่​นั่น ผู้​ประพันธ์​เพลง​สรรเสริญ​กล่าว​เกี่ยว​กับ​กษัตริย์​ผู้​ได้​รับ​การ​แต่ง​ตั้ง​จาก​พระเจ้า​ดัง​นี้: “พระองค์​จะ​ทรง​ช่วย​คน​ขัดสน​เมื่อ​เขา​ร้อง​ทุกข์, และ​จะ​ทรง​ช่วย​คน​อนาถา, ที่​ไม่​มี​ผู้​อุปถัมภ์. พระองค์​จะ​สงสาร​คน​อนาถา​และ​คน​ขัดสน, ชีวิต​ของ​คน​ขัดสน​พระองค์​จะ​ช่วย​ให้​รอด.” เช​รี​ได้​รับ​กำลังใจ​จาก​ถ้อย​คำ​ของ​อัครสาวก​เปาโล​ที่​บันทึก​ใน​โรม 8:38, 39 ด้วย​ที่​ว่า “ข้าพเจ้า​เชื่อ​มั่นคง​ว่า, แม้​ความ​ตาย, หรือ​ชีวิต, หรือ​ทูตสวรรค์, หรือ​ผู้​มี​บรรดาศักดิ์, หรือ​สิ่ง​ซึ่ง​มี​อยู่​เดี๋ยว​นี้, หรือ​สิ่ง​ซึ่ง​จะ​เป็น​มา​ภาย​หน้า, หรือ​ฤทธิ์​เดช​ทั้ง​หลาย, หรือ​ความ​สูง, หรือ​ความ​ลึก, หรือ​สิ่ง​ใด ๆ อื่น​ที่​ทรง​สร้าง​แล้ว, จะ​ไม่​อาจ​กระทำ​ให้​เรา​ทั้ง​หลาย​ขาด​จาก​ความ​รัก​ของ​พระเจ้า.”

อิเลน ผู้​ป่วย​โรค​ไบโพลาร์ พบ​ว่า​ความ​สัมพันธ์​ของ​เธอ​กับ​พระเจ้า​เป็น​เครื่อง​ยึด​เหนี่ยว. เธอ​ได้​รับ​กำลังใจ​อย่าง​มาก​จาก​ถ้อย​คำ​ของ​ผู้​ประพันธ์​เพลง​สรรเสริญ​ที่​ว่า “ข้า​แต่​พระเจ้า, ใจ​แตก​และ​ฟก​ช้ำ​แล้ว​นั้น​พระองค์​ไม่​ดูถูก​ดูหมิ่น​เลย.” (บทเพลง​สรรเสริญ 51:17) เธอ​บอก​ว่า “นับ​ว่า​เป็น​การ​ปลอบโยน​จริง ๆ ที่​รู้​ว่า​พระ​ยะโฮวา พระ​บิดา​ฝ่าย​สวรรค์​องค์​เปี่ยม​ด้วย​ความ​รัก​ของ​เรา ทรง​เข้าใจ​เรา. การ​ได้​เข้า​ใกล้​พระองค์​ใน​คำ​อธิษฐาน​เป็น​สิ่ง​ที่​ช่วย​เสริม​กำลัง โดย​เฉพาะ​อย่าง​ยิ่ง​ใน​ตอน​ที่​เกิด​ความ​กังวล​และ​ความ​ทุกข์​ใจ​อย่าง​ยิ่ง.”

ดัง​ที่​เห็น​ได้ การ​เผชิญ​ความ​ผิด​ปกติ​ทาง​อารมณ์​เป็น​ปัญหา​ที่​ไม่​ธรรมดา. อย่าง​ไร​ก็​ตาม เช​รี​และ​อิเลน​พบ​ว่า การ​หมาย​พึ่ง​พระเจ้า​ด้วย​การ​อธิษฐาน​พร้อม​กับ​รับ​การ​รักษา​ที่​เหมาะ​สม ช่วย​ทั้ง​สอง​ให้​ปรับ​ปรุง​สภาพ​ของ​ตน​ได้. แต่​สมาชิก​ครอบครัว​และ​เพื่อน ๆ จะ​ช่วย​ผู้​ที่​ป่วย​ด้วย​โรค​ไบโพลาร์​หรือ​โรค​ซึมเศร้า​ได้​อย่าง​ไร?

[เชิงอรรถ]

^ วรรค 8 ตื่นเถิด! ไม่​ได้​สนับสนุน​วิธี​การ​รักษา​แบบ​ใด​แบบ​หนึ่ง​โดย​เฉพาะ. คริสเตียน​ควร​ดู​ให้​แน่​ใจ​ว่า วิธี​การ​รักษา​ใด ๆ ก็​ตาม​ที่​เขา​ใช้​ไม่​ขัด​กับ​หลักการ​ของ​คัมภีร์​ไบเบิล.

[คำ​โปรย​หน้า 10]

“เมื่อ​ผม​เริ่ม​ได้​รับ​ความ​ช่วยเหลือ เมฆ​หมอก​ที่​ดำ​มืด​ซึ่ง​ปก​คลุม​ผม​ก็​เริ่ม​จาง​ไป. ผม​รู้สึก​ดี​ขึ้น​มาก!”—แบรนดอน

[กรอบ​หน้า 9]

ข้อ​สังเกต​จาก​คู่​สมรส

“ก่อน​ลูเซีย​จะ​ป่วย เธอ​เป็น​คน​ที่​เข้าใจ​อะไร ๆ อย่าง​ลึกซึ้ง​จน​ทำ​ให้​หลาย​คน​ประทับใจ. แม้​แต่​ใน​ตอน​นี้ เมื่อ​มี​คน​มา​เยี่ยม​ภรรยา​ของ​ผม​ช่วง​ที่​เธอ​สงบ พวก​เขา​ก็​ดู​เหมือน​ประทับใจ​กับ​ความ​อบอุ่น​ของ​เธอ. แต่​คน​ส่วน​ใหญ่​ไม่​รู้​ว่า​ลูเซีย​มี​อาการ​สลับ​กัน​ระหว่าง​สอง​ขั้ว คือ​บาง​ช่วง​เธอ​ซึมเศร้า​และ​บาง​ช่วง​เธอ​คลุ้มคลั่ง. นี่​คือ​อาการ​ของ​โรค​ไบโพลาร์ และ​เธอ​ป่วย​เป็น​โรค​นี้​มา​สี่​ปี​แล้ว.

“ใน​ระยะ​คลุ้มคลั่ง ไม่​ใช่​เรื่อง​ผิด​ปกติ​ที่​ลูเซีย​จะ​ตื่น​อยู่​จน​ถึง​ตี​หนึ่ง, ตี​สอง, หรือ​ตี​สาม แถม​ยัง​มี​ความ​คิด​สร้าง​สรรค์​ใหม่ ๆ มาก​มาย. เธอ​มี​พลังงาน​เหลือ​เฟือ. เธอ​มัก​จะ​ทำ​ให้​เรื่อง​เล็ก​ที่​สุด​กลาย​เป็น​เรื่อง​ใหญ่​และ​ใช้​จ่าย​เงิน​โดย​ไม่​คิด​ให้​รอบคอบ. เธอ​จะ​เข้า​ไป​ใน​สถานการณ์​ที่​ล่อแหลม​ที่​สุด​โดย​คิด​ว่า​ไม่​มี​อะไร​จะ​ทำ​อันตราย​เธอ​ได้ คือ​คิด​ว่า​ไม่​มี​อันตราย​ใด ๆ ทั้ง​ทาง​ศีลธรรม, ร่าง​กาย, หรือ​ใน​แง่​อื่น ๆ. การ​พลุ่ง​พล่าน​นี้​ยัง​เกี่ยว​ข้อง​กับ​ความ​เสี่ยง​ที่​จะ​ฆ่า​ตัว​ตาย. แทบ​จะ​ทันที​ที่​ระยะ​คลุ้มคลั่ง​ผ่าน​ไป​ก็​จะ​เกิด​ภาวะ​ซึมเศร้า​ขึ้น​ทุก​ครั้ง ระยะ​ซึมเศร้า​มัก​จะ​มี​ความ​รุนแรง​พอ ๆ กับ​ระยะ​คลุ้มคลั่ง​ที่​เกิด​ขึ้น​ก่อน​หน้า​นั้น.

“ชีวิต​ของ​ผม​เปลี่ยน​ไป​มาก​จริง ๆ. ทั้ง ๆ ที่​ลูเซีย​กำลัง​ได้​รับ​การ​รักษา แต่​สิ่ง​ที่​เรา​สามารถ​ทำ​ได้​ใน​ตอน​นี้​ก็​อาจ​ต่าง​ไป​จาก​สิ่ง​ที่​เรา​เคย​ทำ​ได้​เมื่อ​ก่อน​หรือ​ที่​จะ​ทำ​ได้​ใน​อนาคต. สิ่ง​นี้​ขึ้น​อยู่​กับ​สถานการณ์​ของ​เรา. ผม​พบ​ว่า​ตัว​เอง​ถูก​บังคับ​ให้​ปรับ​ตัว​ได้​มาก​กว่า​ที่​ผม​เคย​คิด​ว่า​จะ​ทำ​ได้.”—มารีโอ.

[กรอบ/ภาพ​หน้า 11]

เมื่อ​มี​การ​สั่ง​ยา

บาง​คน​รู้สึก​ว่า​การ​ได้​รับ​ยา​แสดง​ถึง​ความ​อ่อนแอ. แต่​ขอ​ให้​คิด​อย่าง​นี้: คน​ที่​เป็น​โรค​เบาหวาน​ก็​ต้อง​รับ​การ​รักษา ซึ่ง​อาจ​รวม​ถึง​การ​ฉีด​อินซูลิน. นั่น​แสดง​ว่า​เขา​เป็น​คน​ไร้​ความ​สามารถ​ไหม? ไม่​เลย! นั่น​เป็น​เพียง​วิธี​ทำ​ให้​สาร​อาหาร​ใน​ร่าง​กาย​มี​ความ​สมดุล​เพื่อ​ผู้​ป่วย​จะ​มี​สุขภาพ​ดี.

เรื่อง​นี้​คล้าย​กัน​มาก​กับ​การ​กิน​ยา​เพื่อ​รักษา​โรค​ซึมเศร้า​และ​โรค​ไบโพลาร์. แม้​ว่า​หลาย​คน​ได้​รับ​การ​ช่วยเหลือ​จาก​การ​พูด​คุย​ให้​คำ​ปรึกษา​ซึ่ง​ทำ​ให้​พวก​เขา​เข้าใจ​ความ​เจ็บ​ป่วย​ของ​ตน​ได้​ดี​ขึ้น แต่​ก็​มี​ข้อ​ควร​ระวัง. ถ้า​ความ​เจ็บ​ป่วย​นั้น​มี​สาเหตุ​ส่วน​หนึ่ง​จาก​ความ​ไม่​สมดุล​ทาง​เคมี ก็​ไม่​อาจ​รักษา​ได้​ด้วย​เหตุ​และ​ผล. สตีเวน ผู้​ป่วย​โรค​ไบโพลาร์​คน​หนึ่ง เล่า​ว่า “ผู้​มี​วิชา​ชีพ​ด้าน​การ​แพทย์​ที่​ให้​การ​รักษา​ผม​ยก​ตัว​อย่าง​ดัง​นี้: คุณ​อาจ​สอน​วิธี​ขับ​รถ​ให้​คน​หนึ่ง​มาก​ที่​สุด​เท่า​ที่​จะ​มาก​ได้ แต่​ถ้า​คุณ​นำ​รถ​ที่​ไม่​มี​พวงมาลัย​หรือ​เบรก​ไป​ให้​คน​นั้น การ​สอน​ทั้ง​หมด​ก็​ไม่​มี​ประโยชน์​อะไร. ใน​ทำนอง​เดียว​กัน การ​ช่วย​ผู้​ซึมเศร้า​ด้วย​การ​พูด​คุย​ให้​คำ​ปรึกษา​โดย​อาศัย​ความ​รู้​ความ​เข้าใจ​อย่าง​เดียว อาจ​ไม่​เกิด​ผล​ตาม​ที่​ต้องการ. การ​ทำ​ให้​สาร​เคมี​ใน​สมอง​มี​ความ​สมดุล​เป็น​ขั้น​ตอน​แรก​ที่​มี​ค่า​มาก.”

[ภาพ​หน้า 10]

คัมภีร์​ไบเบิล​เป็น​เครื่อง​หนุน​ใจ​สำหรับ​หลาย​คน​ที่​เกิด​ความ​คิด​ใน​แง่​ลบ